The Coffee Academics หนึ่งใน 25 ร้านกาแฟต้องไปเห็นก่อนลาโลก - กรุงเทพธุรกิจ

tamonaa.blogspot.com

“The Coffee Academics” ร้านกาแฟแนว Specialty Coffee ที่เว็บไซต์ไวรัล BuzzFeed จัดให้แฟล็กชิพสโตร์ในฮ่องกงติดอันดับ “25 ร้านกาแฟในโลกที่คุณต้องไปเห็นก่อนลาโลก” ใครมากรุงเทพฯ แวะไปชิมกันได้ที่โครงการ “เวลา หลังสวน” ซอยหลังสวน

ชื่อบ่งบอกเป็นร้านเชี่ยวชาญด้าน ‘กาแฟ’ แต่นอกจากกาแฟจะเด็ดแล้ว The Coffee Academïcs (เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์) ยังมีอาหารคุณภาพทั้ง ‘อาหารจานหลัก’ และ ‘จานเพื่อสุขภาพ’ ที่น่าสนใจน่ากินหลายเมนู โดยเฉพาะ โจ๊กฮ่องกง ที่ตอนนี้การเดินทางไปชิมถึงถิ่นกำเนิดเป็นเรื่องยากลำบาก หากใครคิดถึงรสชาติและอยากกินโจ๊กฮ่องกง ตอนนี้ไปกินได้ที่ ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ ร้านกาแฟสัญชาติฮ่องกงซึ่งบริษัทผู้บริหารอิมแพ็คเมืองทองธานี เจรจานำมาเปิดบริการที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ณ โครงการ “เวลา หลังสวน” เมื่อเดือนตุลาคม 2562

เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ หรือ ทีซีเอ-The Coffee Academics ก่อตั้งโดยสถาปนิกหญิงชาวฮ่องกง เจนนิเฟอร์ หลิว (Jennifer W.F. Liu) ผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟ

เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ ตั้งอยู่ที่โครงการ “เวลา หลังสวน” สินธรวิลเลจ

“เจนนิเฟอร์มีแพสชั่นเรื่องกาแฟมาก หลังเรียนจบสถาปัตย์และทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ระยะหนึ่งในสหรัฐฯ เธอมีความคิดจะเปิดร้านกาแฟ โดยเริ่มเปิดเป็นสตูดิโอในย่านคอสเวย์ เบย์ บนเกาะฮ่องกง เมื่อปี 2553” กิตติวัฒน์ จางวาง Corporate Communications PR Manager บริษัทอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าว

ในเวลานั้น เจนนิเฟอร์ตั้งใจให้สตูดิโอแห่งนี้เป็นเสมือนพื้นที่สำหรับกลุ่มคนรักการดื่มกาแฟมาพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟซึ่งกันและกัน 

ด้วยคอนเซปต์ดังกล่าวนี่เองที่เจนนิเฟอร์ใช้เป็นพื้นฐานในการเปิดเป็นร้านกาแฟเต็มรูปแบบในชื่อ ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ ในปี 2555 เพื่อมอบประสบการณ์อย่างที่เรียกว่า กาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee ให้กับคอกาแฟและคนที่สนใจการดื่มกาแฟ

เจนนิเฟอร์สร้างชื่อเสียงให้กับ The Coffee Academïcs ในด้าน “กาแฟพิเศษ” ให้ดังไปทั่วโลก

เว็บไซต์ไวรัล BuzzFeed จัดให้แฟล็กชิพ ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ ในฮ่องกง ติดอันดับ 25 Coffee Shops Around The World You Have to See Before You Die หรือ 25 ร้านกาแฟในโลกที่คุณต้องไปเห็นก่อนลาโลกนี้

The Telegraph เลือก ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ ให้ติดอันดับ The World’s Best Coffee Shops หรือหนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลกประจำปีค.ศ.2016, ได้รับการแนะนำโดย Michelin Guide 2017 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน ‘ร้านกาแฟพิเศษ’ ประจำปี 2017 โดย Frost and Sullivan Report องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก

เจนนิเฟอร์สร้างชื่อเสียงเหล่านี้ได้ด้วยความรักในกาแฟ ตั้งใจคัดเลือกเมล็ดกาแฟ 5%ที่ดีที่สุดจากแหล่งปลูกอาราบิก้าคุณภาพดี 30 แห่งทั่วโลก เน้นซื้อตรงจากผู้ปลูกกาแฟเพื่อสนับสนุนการค้าอย่างเป็นธรรมต่อเกษตรกร คั่วในพื้นที่และทดสอบด้วยวิธี cupping ด้วยคะแนนที่สูงกว่า 85 คะแนน

Manuka  และ Jawa (ขวา)

Okinawa

นอกจากกาแฟสูตรมาตรฐานที่ร้านกาแฟต้องมี ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ มีซิกเนเจอร์เมนูที่มาถึงร้านแล้วไม่ควรพลาดชิม นอกจากคุณภาพของ เมล็ดกาแฟ ส่วนผสมสำคัญของเมนูซิกเนเจอร์คือการใช้ น้ำตาลธรรมชาติ จากหลายแห่งในโลก ได้แก่

• Manuka (มานูกา) ลาเต้ที่ใช้น้ำผึ้งมานูกา (Manuka) จากประเทศนิวซีแลนด์
• Okinawa (โอกินาวา) คาปูชิโนที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายแดงอันมีชื่อของโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
• Agave (อะกาเว) ลาเต้ที่ปรุงด้วยรสหวานธรรมชาติจาก ‘แม็กซิกัน อะกาเว’ เจือกลิ่นเครื่องเทศจากพริกไทยดำ
• Jawa (ชวา) ลาเต้มัคคิอาโตที่ใช้น้ำตาลโตนดจากอินโดนีเซีย ได้กลิ่นหอมของน้ำตาลโตนดผสานกลิ่นหอมของกาแฟ พร้อมกลิ่นใบเตยจางๆ

“ปัจจุบัน ‘ทีซีเอ’ มีสาขาอยู่ในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย อัมสเตอร์ดัม และกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเดินเข้าสาขาไหน คุณจะได้รับกาแฟคุณภาพเดียวกันทั่วโลก” กิตติวัฒน์ กล่าว

แต่สำหรับสาขาประเทศไทย ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ ได้สร้างสรรค์กาแฟ ไทยแลนด์ เบลนด์ ให้เป็นสูตรเฉพาะ หาชิมได้ที่ประเทศไทยเท่านั้น เบลนด์ด้วยเมล็ดกาแฟที่คัดสรรจาก เชียงใหม่ ลาว และ บราซิล ผสานกับวัตถุดิบพิเศษประเภทผลไม้ เพื่อสะท้อนคาแรคเตอร์อันสดใสของความเป็น ’สยามเมืองยิ้ม’

‘ไทยแลนด์ เบลนด์’ ที่ผ่านการคัปปิ้งอย่างละเอียดและพิถีพิถันโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ รับรองตามมาตรฐาน Q-grader และผู้คั่วกาแฟมืออาชีพ ได้มาเป็น โกลเด้น แพร์ (Golden Pear), พิงค์ เลดี้ แอปเปิ้ล (Pink Lady Apple) และ บลัด ออเรนจ์ (Blood Orange) เจือความหวานจากเมเปิ้ล ไซรัป (Maple Syrup) และกลิ่นหอมของ คาราเมล (Caramel)

“เป็นกาแฟคุณภาพตามมาตรฐาน ‘ทีซีเอ’ แต่คอกาแฟตัวจริงจะบอกได้ว่ามีรสของแพร์ซ่อนอยู่ หรือส่วนหนึ่งคือแอปเปิ้ล ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น” กิตติวัฒน์ กล่าวถึง ‘ไทยแลนด์ เบลนด์’

ในหมวด อาหาร ‘เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์’ มีความหลากหลายตั้งแต่อาหารเช้าแบบฮ่องกง อาทิ โจ๊กฮ่องกง ขนมผักกาด ชานมฮ่องกง อาหารเช้าแบบตะวันตก อาหารประเภทพาสต้า ริซอตโต้ พิซซ่า อาหารวีแกน และของหวาน

“วัตถุดิบสำหรับประกอบเมนูอาหารสั่งตรงจากผู้ผลิต เช่น ผัก มะเขือเทศ ดอกไม้ เครื่องเทศ จากสวนผักออร์แกนิค Green Garden ในจังหวัดทางภาคเหนือ เนื้อสัตว์คุณภาพดีจาก Sloane’s ผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากแหล่งผลิตขนาดเล็กที่ควบคุมคุณภาพการผลิตที่ยั่งยืนจากทั่วประเทศ และไข่ออร์แกนิคจากสิรินฟาร์ม” เชฟปฏิวัติ ชูสุข หัวหน้าพ่อครัว The Coffee Academics Thailand กล่าว

Nori Avocado Toast

ลองมาชมหน้าตาอาหารและวัตถุดิบว่าน่ากินแค่ไหน Nori Avocado Toast (280 บาท) อะโวคาโด (hass) บดผสมกับน้ำมะนาว ปรุงรสด้วยเกลือ-พริกไทย โรยสาหร่าย งาขาวงาดำ พิสตาชิโอ เมล็ดฟักทอง พริกป่นนิดหน่อย วางบนซาวร์โด (Sourdough) เสิร์ฟกับสลัดผักสดและไข่ดาวน้ำ (poached egg) จานนี้กินแบบไม่รู้สึกผิดแม้กินขนมปัง เพราะขนมปังชนิดนี้มีแลคโตบาซิลัสช่วยระบบการย่อยอาหาร

The Academïcs Breakfast

อาหารเช้าซิกเนเจอร์ The Academïcs Breakfast (480 บาท) “จานนี้เป็นสูตรเดียวกับทีซีเอที่ฮ่องกง เป็นอาหารมื้อเช้าที่ผสมผสานกันระหว่างฮ่องกงกับอังกฤษ” เชฟปฏิวัติกล่าวและอธิบายว่าในจานประกอบด้วย ถั่วอบในซอสมะเขือเทศ(baked beans)ปรุงตามสูตรทีซีเอฮ่องกง เสิร์ฟกับไส้กรอกคัมเบอร์แลนด์ (Cumberland) ไส้กรอกหมูออร์แกนิคในไส้แกะ ปรุงตามสูตรไส้กรอกของเมืองคัมเบอร์แลนด์ในอังกฤษที่มีชื่อเสียงเรื่องกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ใช้เป็นส่วนผสม อาทิ ทารากอน โรสแมรี่ ไธม์, แบ็ค เบคอน ออร์แกนิค ทำจากเนื้อส่วนหลังของหมู จึงเป็นเบคอนที่มีเนื้อเยอะกว่าไขมัน และฮัลลูมี่ชีส (Halloumi cheese) ชีสนมวัวย่าง เสิร์ฟกับไข่ดาว

Egg Royale Rosti

อาหารเช้าอีกหนึ่งจาน Egg Royale Rosti (320 บาท) แซลมอนนอร์เวย์รมควันรองด้วยผักเคลสดออร์แกนิค(kale) วางบนโรสตี้ (Rosti) คือมันฝรั่งขูดเป็นเส้นเล็กๆ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยเคล้ากับหอมใหญ่แล้วนำไปย่างให้ขึ้นรูป ต้องควบคุมการใช้ความร้อนเพื่อให้มันฝรั่งมีความกรอบขณะเสิร์ฟ กลิ่นหอมและรสหวานจากหอมใหญ่ ตัดกับความเค็มหอมของแซลมอนรมควันและไข่แซลมอน ชูรสด้วยซอสดิลล์ซาวร์ครีม เสิร์ฟกับไข่ดาวน้ำไร้น้ำมัน

เพิ่มความอร่อยให้ ‘ซีซาร์สลัด’ ด้วยการทำให้เป็น Portobello Ceasar Salad (280 บาท) นอกจากสร้างความแตกต่างด้วยการเลือกใช้ผักเคล คอส ควินัว(quinoa) ครูตองซ์ที่ทำจากซาวร์โด โรยพาเมซานซีส เสิร์ฟกับไข่ดาวน้ำ วัตถุดิบที่ต้องแย่งกันชิมคือ ‘เห็ดพอร์โทเบลโล’ เชฟปฏิวัตินำไปอบกับใบไธม์และโรสแมรี่ ปรุงรสนิดหน่อยด้วยเกลือพริกไทย นุ่มหนึบกำลังดี

Portobello Ceasar Salad

Carbonara Pancetta

จานพาสต้า Carbonara Pancetta (280 บาท) พาสต้าในซอสครีมข้นขาวผัดใส่ ‘แพนเชตต้า’แทนเบคอนแบบทั่วไป แพนเชตต้าทำจากหมูสามชั้นหมักให้สุกด้วยเกลือ นำเข้าจากอิตาลี เวลาเคี้ยวจะได้ความกรอบที่ผิวด้านนอก และความมันด้านในจะแตกออกมา ตัดความครีมมี่ของซอสครีมขาวได้อย่างเข้ากัน เป็นความอร่อยตรงกลางระหว่างหมูกรอบกับเบคอน

อาหารเบาๆ ไม่หนักท้อง Crab & Avocado Salad (360 บาท) เนื้อปูม้าไทยคัดเกรดพรีเมียมส่งออก คลุกเคล้ามายองเนส หอมแดง พริกชี้ฟ้าไทยสับละเอียด ผักชีสับ เสิร์ฟกับสลัดผักรวมกองโต อะโวคาโดสด ท็อปด้วยคาเวียร์ จานนี้ได้วิตามินเกลือแร่ให้ร่างกายเพียบ

Crab & Avocado Salad 

Margherita Pizza

เพิ่มความหลากหลายบนโต๊ะอาหารในกลุ่มเพื่อนด้วย Margherita Pizza (280 บาท) คลาสสิกพิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศเข้มข้นสไตล์นาโปลี ที่พิเศษคือแทนที่จะแป้งพิซซ่า ทีซีเอฮ่องกงเปลี่ยนเป็นใช้ ‘แป้งตอติญ่า’ ที่บางกรอบแผ่นโตเป็นสูตรประจำร้าน

ปิดท้ายด้วยของหวานตำรับ ‘ทีซีเอ’ Hong Kong Style Bubble Waffle (260 บาท) วอฟเฟิลสไตล์ฮ่องกงที่เหมือนฟองอากาศผุดบนผิวน้ำทั่วทั้งแผ่น กรอบนอกนุ่มใน ชาวฮ่องกงนิยมกินกับไข่แดงเค็มขูดโรยหน้า เชฟปฏิวัติเพิ่มลักษณะเฉพาะให้ของหวานสูตรนี้ในไทยด้วยการเพิ่มไอศกรีมชาไทย ท็อปปิ้งด้วยผลไม้สดและเมล็ดธัญพืช

Hong Kong Style Bubble Waffle

Espresso Butter on Fluffy Pancake

อีกหนึ่งเมนูถ้ายังกินกันไหว Espresso Butter on Fluffy Pancake (180 บาท) แพนเค้กที่ดูเหมือนไข่เจียวแบบนี้ เกิดจากการที่เชฟปฏิวัติประยุกต์วิธีทำเพื่อให้ลูกค้าได้กินแพนเค้กสดใหม่ทุกออร์เดอร์ เนื่องจากพื้นที่ครัวจำกัด เชฟจึงนำแป้งแพนเค้กใส่กระทะแล้วนำเข้าเตาอบ เสร็จใน 12 นาที แทนที่จะให้ลูกค้าต้องรอนาน 20-30 นาทีต่อออร์เดอร์ เสิร์ฟกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มาสคาโปนชีสกลิ่นวานิลลา เมล็ดธัญพืช ยอดอ่อนผักสีเขียว และ ‘เนยเอสเพรสโซ’ ที่ทำจากการใช้ช้อตกาแฟไทยเบลนด์ผสมกับเนย สูตรเฉพาะที่นี่ที่เดียว

ภายในร้านยังมีเบเกอรี่สูตรพิเศษที่เหมาะกับการกินแกล้มกาแฟ ใช้เวลาที่นี่ได้ตั้งแต่มื้อเช้า มื้อเที่ยง กาแฟยามบ่าย อาหารเย็น 

หรืออาหารเบาๆ ก่อนกลับบ้านนอน

 

ร้าน เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์ ตั้งอยู่ที่โครงการ “เวลา หลังสวน” สินธรวิลเลจ ซอยหลังสวน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จำนวนที่นั่ง 90 เก้าอี้ เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00 – 20.00 น. โทร.0 2164 2500 คลิก www.the-coffeeacademics.com

* * *

ร้านที่คุณอาจสนใจ

Let's block ads! (Why?)

"กลิ่นหอม" - Google News
September 29, 2020 at 06:15AM
https://ift.tt/2Sl2oDj

The Coffee Academics หนึ่งใน 25 ร้านกาแฟต้องไปเห็นก่อนลาโลก - กรุงเทพธุรกิจ
"กลิ่นหอม" - Google News
https://ift.tt/2zO6HBg
Home To Blog